สาเหตุ
1.ความไม่เป็นธรรมของสนธิสัญญาแวร์ซายส์และสัญญาสันติภาพฉบับอื่นๆ
ซึ่งทำภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เยอรมันและชาติผู้แพ้สงคราม
ถูกบังคับให้ลงนามในสัญญาที่ตนเสียเปรียบ
2.การเติบโตของลัทธิทางทหาร
หรือระบบเผด็จการ มีผู้นำหลายประเทศสร้างความเข้มแข็งทางทหาร
และสะสมอาวุธร้ายแรงต่างๆ
3.ความล้มเหลวขององค์การสันนิบาตชาติ
การทำหน้าที่รักษาสันติภาพไม่ประสบผลสำเร็จ
4.ความขัดแย้งในอุดมการณ์ทางการเมือง
แนวความคิดของผู้นำประเทศที่นิยมลัทธิทางทหาร ได้แก่ ฮิตเลอร์
ผู้นำลัทธินาซีของเยอรมนี และเบนนิโต มุสโสลินี ผู้นำลัทธิฟาสซีสม์ ของอิตาลี
ทั้งสองต่อต้านแนวความคิดเสรีนิยม และระบบการเมืองแบบรัฐสภาของชาติยุโรป
แต่ให้ความสำคัญกับพลังของลัทธิชาตินิยม ความเข้มแข็งทางทหาร และอำนาจผู้นำ
เหตุการณ์ที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
1.ญี่ปุ่นรุกรานแมนจูเรีย
แล้วตั้งเป็นรัฐแมนจูกัว
เพื่อเป็นแหล่งอุตสาหกรรมและแหล่งทำทุนใหม่สำหรับตลาดการค้าของญี่ปุ่น
2.การเพิ่มกำลังอาวุธของเยอรมัน
และฉีกสนธิสัญญาแวร์ซายส์
3.กรณีพิพาทระหว่างอิตาลีกับอังกฤษ
ในกรณีที่อิตาลีบุกเอธิโอเปีย
4.เยอรมันผนวกออสเตรีย
ทำให้เกิดสนธิสัญญา แกนเบอร์ลิน – โรม (เยอรมัน & อิตาลี)
ต่อมาประเทศญี่ปุ่น เข้ามาทำสนธิสัญญาด้วย กลายเป็นสนธิสัญญา แกนเบอร์ลิน – โรม –
โตเกียว เอ็กซิส
5.สงครามกลางเมืองในสเปน
6.เยอรมันเข้ายึดครองเชคโกสโลวเกีย
7.การแบ่งกลุ่มประเทศในยุโรป
ชนวนของสงครามโลกครั้งที่ 2
เกิดจากเยอรมนีโจมตีโปแลนด์
และเรียกร้องขอดินแดนฉนวน ดานซิก คืนทำให้อังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งสนับสนุนโปแลนด์
ประกาศสงครามกับเยอรมนีทันที ต่อมาเมื่อการรบขยายตัว
ทำให้นานาประเทศที่เกี่ยวข้องถูกดึงเข้าร่วมสงครามเพิ่มขึ้น ( 1 กันยายน ค.ศ.1339)
ญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรของเยอรมนี
เปิดฉากสงครามโดยโจมตีอ่าวเพิร์ล ฐานทัพของสหรัฐอเมริกา ในหมู่เกาะฮาวายเมื่อวันที่
7 ธันวาคม ค.ศ.1941 ทำให้สหรัฐอเมริกาประกาศเข้าร่วมสงครามฝ่ายเดียวกับชาติพันธมิตรอย่างเป็น
ทางการ
ประเทศคู่สงครามใน WW.II
แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ดังนี้
(1) กลุ่มประเทศฝ่ายพันธมิตร ชาติผู้นำที่สำคัญ ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียต รวมทั้งยังมีประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ เข้าร่วมสมทบด้วยอีกจำนวนมาก
(2) กลุ่มประเทศฝ่ายอักษะ ชาติผู้นำที่สำคัญได้แก่ เยอรมนี ญี่ปุ่น และอิตาลี
ระเบิดนิวเคลียร์ Little
Boy ที่เมืองฮิโรชิมาญี่ปุ่น วันที่ 6 สิงหาคม 1945
ระเบิดนิวเคลียร์ FAT MAN ที่เมืองนางาซากิ ญี่ปุ่น วันที่ 9 สิงหาคม 1945
ตำแหน่งที่ระเบิดนิวเคลียร์
ลงที่ประเทศญี่ปุ่น สงครามโลกครั้งที่ 2
ในวันที่ 10 – 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 ได้มีการคัดเลือกเป้าหมายที่
Los Alamos นำโดยเจ โรเบิร์ต นักฟิสิกส์ ใน
“โครงการแมนฮัตทัน” ได้แนะนำ เป้าหมายสำหรับระเบิดลูกแรก คือ เมืองเกียวโต ,
ฮิโระชิมะ ,โยโกฮามา โดยใช้เงื่อนไขที่ว่า
เป้าหมายต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
3 ไมล์และเป็นเขตชุมชุนที่สำคัญขนาดใหญ่
ระเบิดต้องสามารถทำลายล้างและสร้างความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป้าหมายมียุทโธปกรณ์และที่ตั้งของทหารต้องได้รับการระบุที่ตั้งแน่นอน
เพื่อป้องกันหากการทิ้งระเบิดเกิดข้อผิดพลาด
ภาพจากชาวญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากสารกัมมันตภาพรังสี
ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดในครั้งนั้น
เรียกจุดที่ระเบิดถูกทิ้งลงใส่ ฮิโระชิมะ ว่า “ฮิบะกุชะ”
ในภาษาญี่ปุ่นหรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “จุดระเบิดที่มีผลกระทบต่อชาวญี่ปุ่น”
ด้วยเหตุนี้ ญี่ปุ่น จึงมีนโยบายต่อต้านการใช้ระเบิดปรมณู ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
และประกาศเจตนาให้โลกรู้ว่า ญี่ปุ่นมีนโยบายจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์, ในวันที่ 31 เดือนมีนาคม 2551 “ฮิบะกุชะ”
มีรายชื่อผู้เสียชีวิตจากทั้งสองเมืองของญี่ปุ่น ที่ถูกจารึกไว้ประมาณ 243,692
คน และในเดือนสิงหาคมของปีเดียวกัน
มีรายชื่อผู้เสียชีวิตที่ถูกจารึกไว้เพิ่มขึ้นมากกว่า 400,000 คน โดยแบ่งออกเป็น เมืองฮิโระชิมะ 258,310 คน
และเมืองนะงะซะกิ 145,984 คน
ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2
1.มีการจัดตั้งองค์การสหประชาชาติ(UN
: United Nations)เพื่อดำเนินงานแทนองค์การสันนิบาตชาติ
ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อรักษาสันติภาพของโลกและให้กลุ่มสมาชิกร่วมมือช่วย เหลือกัน
และสนับสนุนสันติภาพของโลก รวมทั้งการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ
ซึ่งนับว่ามีความเข้มแข็งกว่าเดิม
เพราะสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งและมีกองทหารของสหประชาชาติ
2.ทำให้เกิดสงครามเย็น(Cold
War)
3.ฝ่ายสัมพันธมิตรชนะ
มีการนำอาวุธที่ทันสมัยและระเบิดปรมาณูมาใช้ทำให้เกิ